อินุยาฉะ กับความจริงที่ไม่อาจหนี (2)
เรื่องของอินุยาฉะนั้น จบลงไปนานเเล้วด้วยความสุข สมหวังของทุกคน เเต่ใครจะหารู้ ชีวิตหลังจากนั้นของเขา จะเป็นเช่นไร ในเมื่อเขา ก็ยังคงเป็นอสูรท่ามกลางมนุษย์
ผู้เข้าชมรวม
1,005
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ท่ามกลางแสงจันทร์ อินุยาฉะทิ้งตัวลงนอนบนทุ่งดอกไม้สีขาว สายลมอ่อนพัดเฉื่อย เส้นผมสีเงินพลิ้วสยายน้อยๆตามแรงลม ช่างสงบสุขเสียจริง... จิ้งจอกหนุ่มสูดอากาศหายใจเข้าเต็มปอด หลับตาพริ้ม สายลมเย็น พัดเอากลิ่นคุ้นจมูกมาสัมผัสเขา
เส็ตโชมารู...!
อินุยาฉะลืมตาเพื่อรอต้อนรับผู้มาเยือน อสูรหนุ่มเส็ตโชมารู ยืนผงาดอยู่เหนือหัวอินุยาฉะ เขายังคงมีผมสีเงินยาวเป็นประกาย และนัยน์ตาที่เย็นชาเหมือนเช่นอดีต หากแต่เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่นั้นสะอาดเรียบร้อย พื้นรองเท้าทั้งสองข้าง ไม่ประเปื้อนฝุ่นดินเลยแม้แต่ธุลีเดียว บ่งบอกชัดว่า เขามิใช่ผู้เดินทางรอนแรมไกลเหมือนเมื่อครั้งอดีตอีกแล้ว
“มานอนเกะกะอะไรตรงนี้” เส็ตโชมารูยังคงเย็นชาเหมือนเคย
“ยังไม่ตายอีกเหรอ เส็ตโชมารู” อินุยาฉะ พลิกตัวลุกขึ้นตั้งหลักให้ได้ระยะปลอดภัย
อินุยาฉะจ้องมองอสูรผู้พี่เขม็ง ในสมองครุ่นคิด ไม่ว่าจะกี่ปี เขาก็เห็นเส็ตโชมารู อยู่ตามลำพังมาโดยตลอด เขาอยู่คนเดียว ตามลำพังเช่นนั้น ....
ท่าทีถมึงทึงของอินุยาฉะเปลี่ยนกลับไปเป็นเยียบเย็น และหันหลังให้กับอสูรผู้พี่
“วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์จะต่อยตีกับเจ้าหรอก” อินุยาฉะว่า ก่อนจะตั้งท่าเดินจากไป
“หึ ก็ยังงี่เง่าอยู่เหมือนเดิม” เส็ตโชมารูพูดขึ้นอย่างเย็นชา “พอไม่มีมนุษย์พวกนั้น เจ้าก็ยิ่งดูน่าสมเพช”
“ พวกไม่มีใครคบอย่างเจ้ามากกว่า ที่น่าสมเพช” อินุยาฉะย้อน
เส็ตโชมารูนิ่ง สีหน้าเรียบเฉย
“จาเค็นไปไหนซะล่ะ” อินุยาฉะถามถึงอสูรน้อยผู้รับใช้หนึ่งเดียวข้างกายเส็ตโชมารู
เส็ตโชมารูเบือนหน้าหนี พลางตอบขึ้นเบาๆ “เจ้านั่น ได้ทำตามความตั้งใจของมันไปเรียบร้อยแล้วล่ะ”
อินุยาฉะเปลี่ยนสีหน้าเวทนาเจ้าปีศาจน้อยจาเค็น “หมายความว่า เจ้านั่น ไม่อยู่แล้วเหรอ”
“เพื่ออาณาจักรข้า จนวินาทีสุดท้าย อย่างที่มันตั้งใจ” อสูรผู้พี่ตอบ
อินุยาฉะชักสีหน้า “งี่เง่าสิ้นดี เพื่อความยิ่งใหญ่ของตัวเอง เจ้าถึงกับไม่สนชีวิตลูกน้องที่ภักดีแบบนั้น ดูเจ้าสิ เส็ตโชมารู เป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ แต่ไร้คนข้างกาย น่าสมเพช”
“อย่าเอาข้าไปเปรียบเทียบกับคนอย่างเจ้าซี่”อสูรผู้พี่ตอบ สีหน้ายังคงเรียบเฉย
“ นั่นสินะ คน ไม่สนพวกพ้องอย่างเจ้าน่ะ...แต่ข้าจะบอกไว้ก่อนเลยนะ ชีวิตที่ต้องตายตามลำพังน่ะ มันน่าสมเพช”อินุยาฉะว่า
“อ้อ งั้นชีวิตท่ามกลางมนุษย์ของเจ้าถึงจะดีสินะ บอกซิ ตอนนี้เจ้าเหลืออะไรบ้าง พวกพ้องเจ้า เพื่อนเจ้า คนรักเจ้า คนไหนที่จะอยู่ดูใจในยามที่เจ้าตาย ท้ายที่สุด ก็เหลือแค่ตัวเจ้าเท่านั้น”พี่ชายต่างแม่พูดตอกหน้า จิ้งจอกคนน้องสะอึก หวนคิดถึงคำพูดของชิปโป
“หึ อย่างน้อย ช่วงนึง ข้าก็ยังมีเจ้าพวกนั้น และข้าไม่เสียดาย เพราะข้า ให้ความสำคัญกับเจ้าพวกนั้นจนถึงวาระสุดท้ายของพวกเค้าทุกคน” อินุยาฉะพูดอย่างเข้มแข็ง “แล้วเจ้าล่ะ เส็ตโชมารู เจ้าให้ความสำคัญกับใครบ้างรึเปล่า จนสุดท้าย เจ้าก็เหลือตัวคนเดียว”
“คนที่ได้รับ ย่อมรู้ตัวของเขาดี หึ แต่โง่เง่าอย่างแกน่ะ....” เส็ตโชมารูตอบ อินุยาฉะคลายปมคิ้ว “ถือดีมายอกย้อนข้า แต่ตัวเจ้า ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากข้าเลยนี่”
“เส็ตโชมารู...นี่เจ้า” เลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างตกตะลึง “เจ้า ยอมรับว่าตัวเองเดียวดาย อย่างนั้นเหรอ”
อสูรหนุ่มนิ่งเงียบ เส้นผมสีเงินยาวสยายไปตามสายลมอ่อน “อย่าโง่น่ะ ...ไอ้ความรู้สึกอ่อนแอแบบนั้น ไม่บังเกิดกับเส็ตโชมารูคนนี้ได้หรอก” เขาหันหลังให้ครึ่งอสูรผู้น้อง อินุยาฉะ ยิ้มมุมปากเบาๆ แค่นหัวเราะในใจเงียบๆ ส่ายหน้า เขาเหลือบตามองพี่ชายต่างแม่ ที่ยังคงยืนหันหลังให้ คล้ายกับว่าจะเดินจากไป แต่เท้าทั้งสองของเขายังคงหยุดยืนอยู่ที่เดิม อินุยาฉะรู้สึก ว่าการมาครั้งนี้ของเส็ตโชมารู นอกจากเสื้อผ้าที่รุ่มร่ามกว่าเมื่อก่อนแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกที่แปลกไป
“เส็ตโชมารู” เขาเริ่ม ”เจ้าน่ะ ชื่นชมในตัวท่านพ่อมาก ใช่รึเปล่า” เขาเอ่ยถาม อสูรผู้พี่เหลียวหลังมา “รู้มั้ย เส็ตโชมารู ถ้าเจ้าไม่มาระรานข้าเรื่องดาบ ข้าเอง ก็ไม่เคยนึกเกลียดเจ้าเลยแม้แต่น้อย” อินุยาฉะเผยความในใจ “เมื่อก่อนข้าไม่เคยสนท่านพ่อ วันๆคิดแค่เอาชีวิตรอดให้ได้เท่านั้น ข้ากลับรู้สึกว่า คนที่น่าอิจฉาน่ะ เป็นเจ้าซะมากกว่า เจ้าได้เห็นหน้าท่านพ่อ ได้อยู่กับท่าน ข้ากลับได้เห็นเพียงโครงกระดูกที่ไร้ชีวิตของท่าน ในขณะที่เจ้าเป็นจอมอสูรที่แข็งแกร่งและสง่างาม ข้ากลับเป็นเหมือนตัวประหลาดที่ต้องหลบๆซ่อนๆดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ ไออุ่นเดียวที่ข้าได้รับจากท่านพ่อมีเพียงแค่เสื้อขนหนูไฟตัวนี้ แต่เจ้า ได้รับความอบอุ่นจากอ้อมกอดท่าน เรียนรู้การมีชีวิตจากปากของท่านเอง นั่นเป็นสิ่งที่ข้าไม่มีโอกาสได้รับเลย ที่ผ่านมา ข้าเห็นเจ้าเป็นพวกไม่มีเหตุผล แต่สุดท้ายข้าก็เข้าใจเจ้า มันช่วยไม่ได้ ถ้าเจ้าจะเกลียดข้า เพราะที่ข้าเกิดมา ก็มีส่วนที่ทำให้ท่านพ่อต้องจากเจ้าไป”
เส็ตโชมารูชักสีหน้า คำพูดที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นของอินุยาฉะทิ่มแทงจุดเล็กๆในใจเขา แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงเก็บความรู้สึก ยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม “จะมาพูดเอาตอนนี้ให้มันได้อะไร” เขาพูด
“เส็ตโชมารู”อินุยาฉะเรียกเขาอีกหน ความอ้างว้างในใจที่ทับถม ทำให้เขาอ่อนล้า และต้องการที่พึ่งพิง “ข้าอยากฟังเรื่องท่านพ่อจากเจ้า...” เส็ตโชมารูหันหลังกลับมาเผชิญหน้าอินุยาฉะอีกครั้ง...
...อาทิตย์เริ่มสาดแสงสีทองทาบผืนทุ่งดอกไม้สีขาว ยามเช้าเดินทางมาถึง ดอกไม้สีขาวค่อยๆแย้มกลีบบาน ล้อเล่นกับแสงแดด ขับให้เส้นผมสีเงินยาวสยายของสองจิ้งจอกหนุ่มที่ยืนอยู่กลางทุ่งงดงามเป็นเงาระยับ ... นี่อาจเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พวกเขาทั้งคู่เกิดมา ที่พวกเขาพี่น้อง จะใช้เวลาพูดคุยกันได้ยาวนานถึงเพียงนี้ สำหรับอินุยาฉะแล้ว เขารู้สึกราวกับว่า เขาเพิ่งได้รู้จักเส็ตโชมารูจริงๆวันนี้เอง เส็ตโชมารูยืนอยู่อย่างสง่าผ่าเผย ตลอดทั้งคืนจนเช้า เขารำลึกถึงขุนพลสุนัขอสูร อินุไทโซผู้เป็นพ่อ ความรู้สึกทั้งหมดเรียบเรียงออกมาเป็นถ้อยคำที่เปี่ยมด้วยความอาลัย อินุยาฉะนิ่งฟังอย่างตั้งใจ ท่ามกลางสายลม กลีบดอกไม้สีขาวบอบบางปลิดปลิวไล่เลียไปตามเส้นผมสีเงินของเส็ตโชมารู เขาสูดหายใจเข้าอย่างผ่อนคลาย คิ้วเข้มที่เคยขมวดเครียดอยู่เป็นนิจ บัดนี้คลายออก ดวงหน้าคมของอสูรหนุ่มแลดูสงบนิ่ง เค้าความตึงเครียดที่เคยมีหายไป ใบหน้านั้นจึงผุดผ่องราวกับเทพบุตรรูปงามผู้เปี่ยมด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ ทุกความรู้สึกที่เก็บกดเอาไว้เป็นร้อยปี ได้รับการปลดปล่อยจนหมดสิ้น เส็ตโชมารูขยับเท้าออกก้าวเดินช้าๆ หยุดยืน
อินุยาฉะมองตามพี่ชายที่ยืนอยู่ไม่ไกล ดูเหมือนเขากำลังจะจากไปจริงๆแล้ว อินุยาฉะรีบเดินตามหลังไป เขาเพิ่งเข้าใจ ณ ตอนนี้เอง ชั่วเวลาหนึ่งเขาเหมือนถูกทอดทิ้งให้ดายเดียว ทุกคนจากเขาไปตามเวลาที่ผันผ่าน แต่ว่า จริงๆแล้วนั้น....
“เส็ตโชมารู” อินุยาฉะเรียก อสูรหนุ่มดึงตัวเองออกจากภวังค์ ผันหน้ามาตามเสียงเรียกเล็กน้อย “ข้าอยากจะ ขอบใจเจ้า”
“เรื่องอะไร”
“เจ้าจงใจตามข้ามาที่นี่ไม่ใช่เหรอ”
“อย่าเข้าใจผิดไป ที่นี่เป็นเขตแดนอาณาจักรของข้า ข้าอยากจะมาดูหน้าเจ้าคนที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาก็เท่านั้น” อสูรหนุ่มพูดเสียงเย็น ก่อนจะเริ่มก้าวเดินอีกครั้ง
“เจ้าจะไปไหนน่ะ”อินุยาฉะร้องเรียก
“ข้าไม่มีธุระกับเจ้าตั้งแต่แรก” เขาพูดและยังคงเดินต่อไป
“เดี๋ยวสิ เจ้า ไม่ไล่ข้าเหรอ ข้าบุกรุกดินแดนเจ้านะ”
เส็ตโชมารูเหลียวหลังมา กล่าวตอบอย่างไร้อารมณ์ “อาณาจักรกว้างใหญ่ของข้า จะมีครึ่งอสูรปัญญาทึบเข้ามาเหยียบย่างอยู่สักคน ข้าก็ไม่สนใจหรอก”
อินุยาฉะยิ้ม “เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่อยู่ที่นี่หรอก” เขากล่าวทิ้งท้าย “ข้าน่ะ แค่รู้ว่ามีที่นี่อยู่ ข้าก็สบายใจแล้วล่ะ”
เขายืนมองพี่ชายเดินจากไปจนลับสายตา เขารู้สึกว่าชีวิตมีความหมายอีกครั้ง พวกพ้อง อาจเป็นเหมือนชีวิตใหม่ของเขา แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นชีวิตของเขามาโดยตลอดก็คือ
ความรักของพ่อ นั่นเอง
การรำลึกถึงอินุไทโซ จึงทลายกำแพงระหว่างทั้งคู่ลง ตลอดคืนนั้นแสงสะท้อนจากดวงจันทร์ สะท้อนทาบร่างของเส็ตโชมารู แม้จะไม่เคยพบแต่อินุยาฉะคล้ายกับได้มองเห็นผู้เป็นพ่ออยู่ตรงหน้า บังเกิดความอบอุ่นใจเหมือนสายน้ำอุ่นหลั่งไหลเข้าชโลมหัวใจอันเยียบเย็นเปลี่ยวเหงาของเขา ชั่วขณะนั้นเขารู้สึกราวกับได้ที่พักพิง ได้กลับบ้านที่แท้จริงของตนในที่สุด
ไม่เพียงแต่อินุยาฉะเท่านั้น เส็ตโชมารูก็เช่นเดียวกัน เขาเที่ยวเดินทางยาวนานเพื่อตามรอยเท้าพ่อ จนกระทั่งได้เป็นเจ้าจักรวรรดิในที่สุด แต่ในหัวใจอันเยียบเย็นชา เขายังคงนึกถึงผู้เป็นพ่อตลอดเวลา ตลอดราตรีที่เขายืนผงาดเหนือหัวอินุยาฉะ แสงจันทร์สาดส่องต้องดวงตาของเขา แววตาที่มองกลับมา เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจอย่างที่สุด แววตาแห่งการยอมรับและเข้าใจ
จอมอสูรยิ้มเย็น นี่คงจะเป็นบทเรียนชิ้นสำคัญ ที่ท่านพ่อได้ทิ้งไว้ให้เขา เขาเดินทางร้อยลี้พันลี้ คำตอบที่แท้จริงกลับเป็นสิ่งใกล้ตัว ที่เขาไม่เคยเปิดใจยอมรับเลย เขาหยุดเดิน เหลียวหลังกลับไป อินุยาฉะ ยังคงยืนอยู่ที่เดิมตรงนั้น ใบหน้าแต้มด้วยรอยยิ้มเย็นเช่นเดียวกัน
....
เรื่องราวของอินุยาฉะ จบลงไปนานแล้ว ด้วยความผาสุกของทุกๆคน
ผลงานอื่นๆ ของ Jasmine blarichmer ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Jasmine blarichmer
ความคิดเห็น